ครั้งแรกของ Global Shutter บนกล้องถ่ายภาพระดับเรือธง

ครั้งแรกของ Global Shutter บนกล้องถ่ายภาพระดับเรือธง
15/11/23
53 view(s)
ครั้งแรกของ Global Shutter บนกล้องถ่ายภาพระดับเรือธง

 

“ทะยานสู่ยุคสมัยใหม่ที่การถ่ายภาพคือการหยุดเวลาอย่างแท้จริง”

 

 

          เรียกว่าเมื่อคืนวันที่ 7/11/2023 ที่ผ่านมานี้ เล่นเอาแตกตื่นกันไปทั้งวงการกล้องเลยทีเดียว กับการมาของเทคโนโลยีที่ทุกคนต่างเฝ้าฝันและรอคอยกันมากว่าทศวรรษ Global Shutter is Here!!! สิ้นสุดการเดินทางของความฝันอันยาวนาน และเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ไปพร้อม ๆ กัน

          ใช่ครับ Topic ที่เราจะมาคุยกันในวันนี้ ก็คือเรื่อง Global Shutter นี่ล่ะครับ เดี๋ยววันนี้พวกเราชาว BIG CAMERA จะพาไปดูว่า Global Shutter เนี่ย มันคืออะไร ดียังไง ทำไมคนในวงการกล้องถึงแตกตื่นกันไปได้ขนาดนั้น แล้วในปัจจุบันกล้องรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวมาพร้อม Global Shutter มันเป็นกล้องรุ่นไหน ไปครับ ไปดูกันเลย

           แต่ก่อนที่เราจะไปถึง Global Shutter เรามาทำความรู้จักกับ Rolling Shutter ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชัตเตอร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันกันก่อนก็แล้วกันนะครับ

           Rolling Shutter นั้นเป็นเทคโนโลยีชัตเตอร์ที่มีรูปแบบการทำงานที่เรียบง่าย ด้วยการนำเอาลักษณะเฉพาะของการเลื่อนม่านชัตเตอร์จากกล้องฟิล์มมาพัฒนาต่อยอด จนกลายเป็นการเปิดปิดการรับแสงด้วยเม็ดพิกเซลบนระนาบเซ็นเซอร์กล้องไล่ไปทีละแถวจากบนลงล่าง

           ซึ่งกล้องที่ใช้งานชัตเตอร์แบบ Rolling Shutter จะไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ ถ้าเราใช้งานกันแบบทั่ว ๆ ไป ไม่ได้ใช้ถ่ายภาพที่มีการเคลื่อนไหวเร็วกว่ารอบการทำงานของเซ็นเซอร์

 

 

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่กล้องแบบ Rolling Shutter ถูกเอาไปใช้งานถ่ายภาพที่มีการเคลื่อนไหวไวกว่ารอบการทำงานของเซ็นเซอร์แล้วล่ะก็ ภาพที่เราได้มันจะเกิด Effect ที่เราเรียกกันกว่า Rolling Shutter Effect ทำให้ภาพที่ได้โย้เบี้ยว ดูประหลาดตา

 

 

ซึ่งมันเกิดจากการที่ Rolling Shutter ใช้เทคนิคการเปิดปิดเม็ดพิกเซลรับแสงแบบไล่ลงมาจากบนลงล่างนี่เองล่ะครับ ทำให้การเคลื่อนไหวต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงของวัตถุในเฟรมภาพ ถูกบันทึกแล้วส่งมาประมวลผลทีละแถว กว่าที่เซ็นเซอร์กล้องจะทำงานจนครบรอบพอดี วัตถุนั้นก็เคลื่อนจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งแล้วเรียบร้อย พอประมวลผลทุก ๆ การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นแล้วรวมขึ้นมาเป็นไฟล์ภาพ เราก็เลยได้รูปที่มันโย้เบี้ยวอย่างน่ากลัวขึ้นมา

กลายเป็นว่าเทคโนโลยีที่จะหยุดเวลา กลับกลายเป็นทำได้เพียงแค่เข้าใกล้คำว่าหยุดเวลาเท่านั้นเอง

 

 

แต่ Global Shutter ไม่ใช่แบบนั้น... มันเป็นอะไรที่เหนือชั้นกว่า

 

 

Global Shutter จะใช้การเปิดปิดเม็ดพิกเซลรับแสงทุกเม็ดที่อยู่บนระนาบเซ็นเซอร์พร้อมกัน ซึ่งทำให้ทุกการลั่นชัตเตอร์ “เวลา” มันถูกหยุดลงจริง ๆ แต่เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านเทคโนโลยีในสมัยนั้น ทำให้การผลิตเซ็นเซอร์กล้องที่ใช้ชัตเตอร์แบบ Global Shutter ทำได้ยาก ด้วยการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ จำนวนมหาศาลที่ถูกส่งเข้ามาพร้อม ๆ กัน มันเป็นอะไรที่ยากต่อการประมวลผลให้ไวและแม่นยำจริง ๆ ครับ สุดท้ายทางออกของปัญหา Rolling Shutter Effect ก็เลยเป็นจริงเพียงแค่ครึ่งเดียวไปในที่สุด และพร้อม ๆ กันนั้นก็เป็นก็เป็นการเปิดม่านศักราชใหม่ที่ทุกค่ายทัพต่างปักหมุดหมายของการท้าทายความเป็นไปได้ไว้ที่ “การผลิตเซ็นเซอร์กล้องแบบ CMOS ที่ใช้ชัตเตอร์แบบ Global Shutter ได้จริง”

 

 

และแล้วแนวคิดทฤษฎี “การผลิตเซ็นเซอร์กล้องแบบ CMOS ที่ใช้ชัตเตอร์แบบ Global Shutter ได้จริง” ก็ได้กลายเป็นเรื่องเล่าที่ค่อย ๆ เดินทางสู่การเป็นตำนานที่คนรักการถ่ายภาพและวงการกล้องเฝ้ารอคอยการมาของกล้องที่จะเป็นดั่งราชาแห่งยุคเข็ญองค์นี้

เนิ่นนานกว่าทศวรรษที่ทุกค่ายทัพในวงการกล้องต่างกำไพ่เด็ดที่เรียกว่า Global Shutter เอาไว้อย่างเงียบงัน แล้วเฝ้ารอวันเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่โลกจะเหวี่ยงเอาเทคโนโลยีและต้นทุนมาตัดกันที่จุดบรรจบพอดี

และในปีนี้ ปี 2023 ปีที่แม้แต่ในขณะนี้ผู้เขียนเองก็ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้เห็น “การผลิตเซ็นเซอร์กล้องแบบ CMOS ที่ใช้ชัตเตอร์แบบ Global Shutter ได้จริง” ก็มาถึง

 

 

           เปิดประเดิมก้าวแรกของการทะยานสู่ยุคสมัยใหม่ที่การถ่ายภาพกลายเป็นการหยุดเวลาอย่างแท้จริง ด้วยการลั่นกลองรบส่งสัญญาณศึกจากราชาสีชาด Canon ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ ด้วยการส่งเซ็นเซอร์ใหม่ที่มาพร้อมโกลบอลชัตเตอร์ออกมาพร้อมกันถึง 3 รุ่น โดย 2 ใน 3 ถูกกำหนดไว้ให้ใช้ในงานอุตสาหกรรมและการตรวจจับ ส่วนอีก 1 รุ่นที่เหลือ Canon ไม่กล่าวถึงแนวทางและแนวโน้มในการใช้งานเลย ทำเพียงแค่ทิ้ง Teaser ที่ดูยังไงก็ชวนให้คิดถึง Teaser เปิดตัวกล้องถ่ายภาพรุ่นใหม่เอาไว้ 1 ตัวเท่านั้น ราวกับจงใจจะส่งสาส์นออกไปให้โลกได้รับรู้ว่า Canon พร้อมแล้วสำหรับการเปิดหีบแพนดอร่าใบนี้...

แต่ทว่าเสียงกลองรบในครั้งนั้น มันดันมีเสียงคำรามสีเพลิงของ Sony ตอบรับกลับมาอย่างเดือดดาล

เกือบ 300 วันนับจากวันนั้น ทั้งโลกของการถ่ายภาพก็ลุกเป็นไฟ ด้วยการโหมกระพือของข่าวสารและข่าวลือเรื่องการมาของกล้องฟูลเฟรม Global Shutter ตัวแรกของโลก จากทั้งทาง Canon และ Sony ที่ยิ่งที ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งหลุดข้อมูลออกมาปะทะชนกันแบบไม่มียั้งมือ

จนในที่สุดเกมส์หมากกระดานนี้ก็เดินทางมาถึงจุดส่งท้ายของเกมส์ ในคืนวันที่ 7/11/2023 ที่ผ่านมา

 

 

          Sony จัดงานประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการให้กับโคตรกล้องแห่งยุคเพื่อการทะยานสู่ยุคสมัยใหม่ที่การถ่ายภาพจะเป็นการหยุดเวลาอย่างแท้จริง Sony Alpha 9 III ครั้งแรกของ Global Shutter บนกล้องถ่ายภาพระดับเรือธง Speed Monster Camera จอมมหาราชันย์แห่งสายลม ผู้ที่จะสยบทุกโมเม้นท์สำคัญให้หยุดนิ่งสนิท เปิดตัวมาอย่างดุดันด้วยความสามารถที่พร้อมประชันทุกงานสายสปีดแอ็คชั่น ที่สุดของกล้องเรือธงในชั่วโมงนี้ 24MP บน 120fps ZERO Blackout สุดขีดคลั่งของพลังแห่งความเร็ว ที่มาพร้อมจุดโฟกัสแบบไฮบริด 759 จุด สามารถตอบสนองตรวจจับได้ตั้งแต่นก แมลง สัตว์ คน ไปจนถึงยานพาหนะอย่างแม่นยำ

          สำหรับกล้อง Sony Alpha 9 III มีกำหนดการจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการครั้งแรกในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2024 (ราว ๆ ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม) โดยจะมีราคาต่างประเทศอยู่ที่ $5,998 ตีเป็นค่าเงินบ้านเราที่ราวสองแสนกว่าบาทไทย ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมและการพรีออเดอร์ รอติดตามที่หน้าแฟนเพจและเว็บไซต์ BIG CAMERA กันอีกทีนะครับ

 

 

Sony Alpha 9 III: The Power of One Frame

“One Camera to Rule Them All is Here!!!”

เปิดประตูสู่ยุคใหม่ที่การถ่ายภาพจะเป็นการหยุดเวลาอย่างแท้จริง Sony Alpha 9 III ครั้งแรกของ Global Shutter บนกล้องถ่ายภาพระดับเรือธง ขั้นสุดของพลังแห่งความเร็วที่มาพร้อมจุดโฟกัสแบบไฮบริด พร้อมตอบสนองทุกจังหวะสำคัญอย่างแม่นยำ ว่องไว ไร้ซึ่ง Rolling Shutter Effect

 

*** จุดเด่น Sony Alpha 9 III ***

• Electronic Global Shutter 1/80000 to 30 Seconds/Bulb
• Burst Rate 120fps Blackout-Free Shooting
• ความละเอียด 24.6MP/14-Bit/ HEIF, JPEG, Raw
• ระบบกันสั่นแบบ IBIS Sensor-Shift, 5-Axis 8.0 stops
• ISO250-25,600/Manual Mode ISO250-12,800/Auto Mode ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ
• ขยายค่าความไวแสงได้สูงสุดที่ ISO125-51,200/Manual Mode ภาพนิ่ง
• สามารถตรวจจับโฟกัสได้อย่างแม่นยำตั้งแต่สภาพแสง -5EV ถึง +20EV
• รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง 4K/120p และ FHD/120p
• External Recording HDMI Raw 16-Bit 4672 x 2628/60p และ 4:2:2 8-Bit 4K/60p
• รองรับ Gamma Curve S-Cinetone
• Flash Sync Speed สูงสุดที่สปีดชัตเตอร์ 1/80,000 วินาที
• รองรับระบบโฟกัสอัตโนมัติติดตามทุกรูปแบบของ Sony
• ใหม่* Pre-Capture เริ่มการบันทึกภาพตั้งแต่ 0.05-1.0 วินาทีก่อนลั่นชัตเตอร์
• ใหม่* Speed Boost C5 button ตัดสลับความเร็วในการบันทึกภาพให้สูงขึ้นได้ดังใจแค่กดปุ่มฟังก์ชั่น C5 ที่ข้างกริป

 

 

 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ BIG CAMERA กว่า 160 สาขาทั่วประเทศ ได้ที่ >>Click<<

 

แหล่งรวมคลิปวิดีโอรีวิวสินค้า BIG Camera

 

 

*ร่วมลุ้น!! ทริป Fashion Photography Workshop สุด Exclusive ณ ประเทศจอร์เจีย 8 วัน 5 คืน กับ "มาตาลดา" เต้ย-จรินทร์พร จุนเกียรติ ร่วมด้วย จอร์จ ธาดา วารีช และกอล์ฟ-กันตพัฒน์ พฤฒิธรรมกูล แห่งเพจ กอล์ฟมาเยือน
ทุก ๆ 3,000.- รับคูปอง 1 ใบ วันนี้ ถึง 15 มกราคม 2567 รายละเอียดเพิ่มเติม

 

*เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ

 

Sony FE 300mm f2.8 GM OSS: Lightweight and ideally balanced telephoto 300mm f2.8

 

Sony FE 300mm f2.8 GM OSS เลนส์ไพรม์เทเลโฟโต้รูรับแสงกว้างที่เบาที่สุดในโลก อัดแน่นด้วยสุดยอดออปติคระดับ G Master เพื่อการบันทึกทุกสีสันและรายละเอียดอันน่าทึ่ง พร้อมตอบสนองการโฟกัสได้อย่างว่องไว ย่นระยะสุดไกลมาใกล้แค่เอื้อม พร้อมลุยทุกสถานการณ์ด้วยซีลกันฝุ่นและละอองน้ำที่แน่นหนา

 

*** จุดเด่น Sony FE 300mm f2.8 GM OSS ***
• โครงสร้างชุดเลนส์แบบ 21 ชิ้นใน 11 กลุ่ม
• มีชิ้นแก้ว Super ED (Extra-low Dispersion) 3 ชิ้น และชิ้นกระจก ED 1 ชิ้น
• ควบคุมรูรับแสงด้วยชุดไดอะแฟรมแบบ 11 กลีบ
• f2.8 - f22
• ระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 2m
• น้ำหนัก 1,470g
• หน้าฟิลเตอร์ขนาด 40.5mm

บทความ ก่อนหน้านี้:
บทความ ถัดไป:

หมวดหมู่สินค้า